สำหรับผู้ดูแลที่ทำงานในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องสำคัญที่หลายคนอาจกำลังเผชิญอยู่ นั่นก็คือ “ภาวะหมดไฟ” (Caregiver Burnout)
การทำงานในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในแต่ละวันผู้ดูแลต้องเจอกับความท้าทายมากมาย ทั้งการดูแลผู้สูงอายุหลายท่านพร้อมกัน การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือแม้แต่การพูดคุยกับญาติที่มีความต้องการหลากหลาย ความรับผิดชอบที่หนักหน่วงเหล่านี้ อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟได้โดยไม่รู้ตัว

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ
มีหลายสถานการณ์ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะหมดไฟในผู้ดูแลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงสูง หรือโรคเรื้อรังซับซ้อน เช่น
-
ผู้ป่วยสมองเสื่อม (Dementia)
มักมีพฤติกรรมท้าทาย เช่น เดินเตร่ ไม่ร่วมมือ ก้าวร้าว หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ต้องการการดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา ทำให้ผู้ดูแลเหนื่อยทั้งกายและใจ -
ผู้ป่วยติดเตียงหรือมีภาวะทุพพลภาพสูง
ต้องการความช่วยเหลือในเกือบทุกกิจวัตรประจำวัน เช่น พลิกตัว อาบน้ำ ป้อนอาหาร ทำแผล และดูแลการขับถ่าย ภาระงานต่อเนื่องเหล่านี้ทำให้ผู้ดูแลขาดเวลาส่วนตัวและพักผ่อน -
การดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังซับซ้อน
ผู้ดูแลต้องคอยสังเกตอาการ จัดการยา และประสานงานกับบุคลากรทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด เมื่ออาการเปลี่ยนแปลงบ่อยยิ่งทำให้เกิดความเครียดสูง -
ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแล
หากผู้ดูแลไม่มีทักษะหรือความรู้ที่เพียงพอ จะรู้สึกไม่มั่นใจ วิตกกังวล และเครียดได้ง่าย -
ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม
การต้องดูแลทุกอย่างเพียงลำพัง ไม่มีใครช่วยแบ่งเบา หรือไม่มีโอกาสระบายความรู้สึก เพิ่มความเสี่ยงต่อการหมดไฟ -
ความคาดหวังสูงเกินไป
เมื่อผู้ดูแลคาดหวังผลลัพธ์ที่เร็วเกินจริง เช่น ต้องการให้ผู้สูงอายุมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เป็นไปตามที่หวัง ก็อาจรู้สึกผิดหวังและหมดกำลังใจ -
ปัญหาทางการเงิน
การดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังมักมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ดูแลต้องรับภาระทางการเงินเพิ่ม ซึ่งเพิ่มระดับความเครียด -
การเผชิญกับความเจ็บป่วยหรือการสูญเสีย
การเห็นผู้สูงอายุที่ดูแลทรุดลง หรือเสียชีวิต ส่งผลกระทบทางจิตใจรุนแรง -
การถูกตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์
การเผชิญคำตำหนิจากญาติ หรือแม้แต่จากผู้สูงอายุเอง อาจสร้างแรงกดดันและความรู้สึกไม่ดีต่อผู้ดูแล
ข้อมูลอ้างอิง: https://www.nakornthon.com

สัญญาณเตือนของภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ
-
ร่างกายอ่อนล้าเรื้อรัง พักเท่าไหร่ก็ไม่พอ
หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียตลอดเวลา แม้จะได้นอนพักแล้วก็ตาม อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงทำให้เจ็บป่วยบ่อยขึ้น หรือการนอนหลับผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป -
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และรู้สึกผิด
ความเครียดสะสมทำให้คุณกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย หรือวิตกกังวลไปกับทุกเรื่อง. ในขณะเดียวกันก็อาจรู้สึกผิดที่ตนเองมีความรู้สึกด้านลบต่อผู้ป่วย หรือรู้สึกว่าตนเองดูแลได้ไม่ดีพอ ซึ่งเป็นความคิดที่บั่นทอนจิตใจอย่างมาก -
เริ่มแยกตัวออกจากสังคมและสิ่งที่เคยชอบ
คุณอาจเริ่มไม่อยากพบปะเพื่อนฝูง หรือทำกิจกรรมที่เคยมีความสุข. การดูแลผู้สูงอายุอาจทำให้คุณไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จนสูญเสียความสนใจในงานอดิเรก และค่อยๆ แยกตัวเองออกมาจากโลกภายนอก -
สุขภาพกายและใจของตัวเองถูกละเลย
เมื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลคนอื่น คุณอาจเริ่มละเลยสุขภาพของตัวเอง เช่น รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา, ไม่ได้ออกกำลังกาย, หรือเลื่อนนัดตรวจสุขภาพของตนเอง. การกระทำเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าคุณกำลังให้ความสำคัญกับตัวเองน้อยลง -
รู้สึกสิ้นหวัง มองไม่เห็นทางออก
ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าต้องแบกรับภาระทุกอย่างไว้คนเดียว เป็นสัญญาณของภาวะหมดไฟขั้นรุนแรง. บางครั้งอาจรู้สึกโกรธเคืองผู้ป่วย หรือมีความคิดอยากหนีไปจากความรับผิดชอบตรงหน้า หากคุณรู้สึกเช่นนี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน

วิธีป้องกันและรับมือกับภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ
-
จัดสรรเวลาพักให้ตัวเอง
การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่จำเป็นมาก เช่น ใช้เวลา 10–15 นาทีต่อวันพักเงียบ ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ -
ขอความช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระ
อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียว ควรพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานเพื่อหาทางช่วยเหลือ -
เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน (Support Group)
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมอาชีพทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และได้รับกำลังใจ -
ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ และแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว เพื่อรักษาสมดุลชีวิต -
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากรับมือไม่ไหว การพูดคุยกับแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้บริหารศูนย์ เป็นทางออกที่ดีที่สุด
Q&A: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ
-
Q: รู้สึกผิดที่หงุดหงิดใส่ผู้สูงอายุ ควรทำอย่างไร?
A: ยอมรับว่าเรามีขีดจำกัด หาเวลาสงบสติอารมณ์ เช่น หายใจลึก ๆ และพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อคลายความเครียด -
Q: ไม่มีทีมช่วยแบ่งเบาภาระเลย ควรทำอย่างไร?
A: แจ้งปัญหากับหัวหน้างานหรือผู้บริหารโดยตรง ระบุความต้องการชัดเจน เช่น เพิ่มบุคลากรหรือจัดอบรมเพิ่มเติม -
Q: การขอความช่วยเหลือถือว่าอ่อนแอหรือไม่?
A: ไม่เลย การขอความช่วยเหลือคือการแสดงความรับผิดชอบ เพื่อให้การดูแลมีคุณภาพที่สุด -
Q: จะหาเวลาออกกำลังกายได้อย่างไรในเมื่อทำงานเป็นกะ?
A: เริ่มจากกิจกรรมเล็ก ๆ เช่น ยืดเส้น ยกน้ำหนักเบา หรือออกกำลังกาย 15 นาทีระหว่างพักเบรก
การดูแลผู้สูงอายุคือการเดินทางระยะยาว ดังนั้นการดูแลหัวใจและร่างกายของ “ผู้ดูแล” ให้แข็งแรงจึงสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้คุณสามารถส่งมอบการดูแลที่ดีที่สุดได้อย่างยั่งยืน
👉 ระบบที่ช่วยแบ่งเบาให้ผู้ดูแล MAXWELL CARE Health Radar Monitoring
ตัวช่วยอัจฉริยะที่ช่วยติดตามสุขภาพและลดภาระของผู้ดูแล เพื่อให้การทำงานในศูนย์มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น
สนใจระบบดูแลผู้สูงอายุ? ติดต่อขอคำปรึกษาฟรีวันนี้!
Line ID: @maxwellsecurity
Tel. 0854853501