ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver Burnout): 5 สัญญาณเตือนและวิธีรับมือ

สำหรับผู้ดูแลที่ทำงานในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องสำคัญที่หลายคนอาจกำลังเผชิญอยู่ นั่นก็คือ “ภาวะหมดไฟ” (Caregiver Burnout)

การทำงานในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในแต่ละวันผู้ดูแลต้องเจอกับความท้าทายมากมาย ทั้งการดูแลผู้สูงอายุหลายท่านพร้อมกัน การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือแม้แต่การพูดคุยกับญาติที่มีความต้องการหลากหลาย ความรับผิดชอบที่หนักหน่วงเหล่านี้ อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟได้โดยไม่รู้ตัว

ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver Burnout): 5 สัญญาณเตือนและวิธีรับมือ

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ

มีหลายสถานการณ์ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะหมดไฟในผู้ดูแลศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงสูง หรือโรคเรื้อรังซับซ้อน เช่น

  • ผู้ป่วยสมองเสื่อม (Dementia)
    มักมีพฤติกรรมท้าทาย เช่น เดินเตร่ ไม่ร่วมมือ ก้าวร้าว หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ต้องการการดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา ทำให้ผู้ดูแลเหนื่อยทั้งกายและใจ

  • ผู้ป่วยติดเตียงหรือมีภาวะทุพพลภาพสูง
    ต้องการความช่วยเหลือในเกือบทุกกิจวัตรประจำวัน เช่น พลิกตัว อาบน้ำ ป้อนอาหาร ทำแผล และดูแลการขับถ่าย ภาระงานต่อเนื่องเหล่านี้ทำให้ผู้ดูแลขาดเวลาส่วนตัวและพักผ่อน

  • การดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังซับซ้อน
    ผู้ดูแลต้องคอยสังเกตอาการ จัดการยา และประสานงานกับบุคลากรทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด เมื่ออาการเปลี่ยนแปลงบ่อยยิ่งทำให้เกิดความเครียดสูง

  • ขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแล
    หากผู้ดูแลไม่มีทักษะหรือความรู้ที่เพียงพอ จะรู้สึกไม่มั่นใจ วิตกกังวล และเครียดได้ง่าย

  • ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวหรือสังคม
    การต้องดูแลทุกอย่างเพียงลำพัง ไม่มีใครช่วยแบ่งเบา หรือไม่มีโอกาสระบายความรู้สึก เพิ่มความเสี่ยงต่อการหมดไฟ

  • ความคาดหวังสูงเกินไป
    เมื่อผู้ดูแลคาดหวังผลลัพธ์ที่เร็วเกินจริง เช่น ต้องการให้ผู้สูงอายุมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เป็นไปตามที่หวัง ก็อาจรู้สึกผิดหวังและหมดกำลังใจ

  • ปัญหาทางการเงิน
    การดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังมักมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ดูแลต้องรับภาระทางการเงินเพิ่ม ซึ่งเพิ่มระดับความเครียด

  • การเผชิญกับความเจ็บป่วยหรือการสูญเสีย
    การเห็นผู้สูงอายุที่ดูแลทรุดลง หรือเสียชีวิต ส่งผลกระทบทางจิตใจรุนแรง

  • การถูกตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์
    การเผชิญคำตำหนิจากญาติ หรือแม้แต่จากผู้สูงอายุเอง อาจสร้างแรงกดดันและความรู้สึกไม่ดีต่อผู้ดูแล

ข้อมูลอ้างอิง: https://www.nakornthon.com

ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver Burnout): 5 สัญญาณเตือนและวิธีรับมือ

สัญญาณเตือนของภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ

  1. ร่างกายอ่อนล้าเรื้อรัง พักเท่าไหร่ก็ไม่พอ
    หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียตลอดเวลา แม้จะได้นอนพักแล้วก็ตาม อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงทำให้เจ็บป่วยบ่อยขึ้น หรือการนอนหลับผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป

  2. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และรู้สึกผิด
    ความเครียดสะสมทำให้คุณกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย หรือวิตกกังวลไปกับทุกเรื่อง. ในขณะเดียวกันก็อาจรู้สึกผิดที่ตนเองมีความรู้สึกด้านลบต่อผู้ป่วย หรือรู้สึกว่าตนเองดูแลได้ไม่ดีพอ ซึ่งเป็นความคิดที่บั่นทอนจิตใจอย่างมาก

  3. เริ่มแยกตัวออกจากสังคมและสิ่งที่เคยชอบ
    คุณอาจเริ่มไม่อยากพบปะเพื่อนฝูง หรือทำกิจกรรมที่เคยมีความสุข. การดูแลผู้สูงอายุอาจทำให้คุณไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง จนสูญเสียความสนใจในงานอดิเรก และค่อยๆ แยกตัวเองออกมาจากโลกภายนอก

  4. สุขภาพกายและใจของตัวเองถูกละเลย
    เมื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลคนอื่น คุณอาจเริ่มละเลยสุขภาพของตัวเอง เช่น รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา, ไม่ได้ออกกำลังกาย, หรือเลื่อนนัดตรวจสุขภาพของตนเอง. การกระทำเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าคุณกำลังให้ความสำคัญกับตัวเองน้อยลง

  5. รู้สึกสิ้นหวัง มองไม่เห็นทางออก
    ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าต้องแบกรับภาระทุกอย่างไว้คนเดียว เป็นสัญญาณของภาวะหมดไฟขั้นรุนแรง. บางครั้งอาจรู้สึกโกรธเคืองผู้ป่วย หรือมีความคิดอยากหนีไปจากความรับผิดชอบตรงหน้า หากคุณรู้สึกเช่นนี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน

ภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver Burnout): 5 สัญญาณเตือนและวิธีรับมือ

วิธีป้องกันและรับมือกับภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ

  1. จัดสรรเวลาพักให้ตัวเอง
    การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่จำเป็นมาก เช่น ใช้เวลา 10–15 นาทีต่อวันพักเงียบ ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

  2. ขอความช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระ
    อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียว ควรพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานเพื่อหาทางช่วยเหลือ

  3. เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน (Support Group)
    การแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมอาชีพทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และได้รับกำลังใจ

  4. ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
    เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ และแยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว เพื่อรักษาสมดุลชีวิต

  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
    หากรับมือไม่ไหว การพูดคุยกับแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้บริหารศูนย์ เป็นทางออกที่ดีที่สุด

Q&A: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะหมดไฟในผู้ดูแลผู้สูงอายุ

  • Q: รู้สึกผิดที่หงุดหงิดใส่ผู้สูงอายุ ควรทำอย่างไร?
    A: ยอมรับว่าเรามีขีดจำกัด หาเวลาสงบสติอารมณ์ เช่น หายใจลึก ๆ และพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อคลายความเครียด

  • Q: ไม่มีทีมช่วยแบ่งเบาภาระเลย ควรทำอย่างไร?
    A: แจ้งปัญหากับหัวหน้างานหรือผู้บริหารโดยตรง ระบุความต้องการชัดเจน เช่น เพิ่มบุคลากรหรือจัดอบรมเพิ่มเติม

  • Q: การขอความช่วยเหลือถือว่าอ่อนแอหรือไม่?
    A: ไม่เลย การขอความช่วยเหลือคือการแสดงความรับผิดชอบ เพื่อให้การดูแลมีคุณภาพที่สุด

  • Q: จะหาเวลาออกกำลังกายได้อย่างไรในเมื่อทำงานเป็นกะ?
    A: เริ่มจากกิจกรรมเล็ก ๆ เช่น ยืดเส้น ยกน้ำหนักเบา หรือออกกำลังกาย 15 นาทีระหว่างพักเบรก

การดูแลผู้สูงอายุคือการเดินทางระยะยาว ดังนั้นการดูแลหัวใจและร่างกายของ “ผู้ดูแล” ให้แข็งแรงจึงสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้คุณสามารถส่งมอบการดูแลที่ดีที่สุดได้อย่างยั่งยืน

👉 ระบบที่ช่วยแบ่งเบาให้ผู้ดูแล MAXWELL CARE Health Radar Monitoring
ตัวช่วยอัจฉริยะที่ช่วยติดตามสุขภาพและลดภาระของผู้ดูแล เพื่อให้การทำงานในศูนย์มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น

สนใจระบบดูแลผู้สูงอายุ? ติดต่อขอคำปรึกษาฟรีวันนี้!
Line ID: @‌maxwellsecurity
Tel. 0854853501